
เรื่องราวเกมTunic
รีวิวเกม Tunic หากจะพูดถึง “Zelda” นี่ถือเป็นซีรีย์เกมในตำนานเกมหนึ่งของคุณปู่นินที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก จึงมีความพยายามที่จะสร้างเกมที่คล้ายกันมาตั้งแต่อดีต และเมื่อไม่นานมานี้ ฝ่ายเล็กๆ ได้สร้างเกมสไตล์ Zelda และทำได้ดีมาก โดยได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมและรางวัลมากมาย
เกมดังกล่าวคือ Tunic เกมแอคชั่น 2 มิติจากบนลงล่างในแนวทแยง เมื่อคุณเห็น คุณจะรู้ว่ามันเป็นเวอร์ชัน 2 มิติของ Zelda ตัวละครหลักคือสุนัขจิ้งจอก แต่เขายังสวมชุดที่คล้ายกับ Link จาก Link จาก Zelda ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเกมที่เหมือนลอกเเบบมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันนำความคลาสสิกจากอดีตกลับมา เมื่อผสมกับความยากที่โหดมากๆ มันมีความคล้ายคลึงกับซีรีส์ Dark Souls อยู่บ้างถึงแม้จะไม่เหมือนกันทุกประการก็ตาม
เรื่องราวของ Tunic ก็ค่อนข้างมืนหม่นขัดกับตัวกราฟิก เราจะได้เล่นเป็นฮีโร่ที่เหมือนสุนัขจิ้งจอกนิรนาม ที่ต้องออกไปค้นหาความจริงเกี่ยวกับตำนานสุสานและค้นหาวิธีปลดปล่อยวิญญาณของฮีโร่ที่ถูกลืม โดยการรวบรวมกุญเเจทั้ง 3 ดอก น่าเสียดายการเล่าเรื่องดูจืดชืดเล็กน้อยและภาษาของตัวละครในฉากเป็นภาษาเฉพาะของเกมมากกว่าภาษาคนทั่วไปทำให้การเล่าเรื่องแปลกไปเล็กน้อย

กราฟิกตัวเกม
กราฟิกใน Tunic เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเกมเก่าและความเด่นของเกมสมัยใหม่ เพราะตัวเกมนำเสนอในมุมกล้อง 2 มิติ มองจากมุมทแยง แต่ในความเป็นจริงกราฟิกในเกมเป็นแบบ 3 มิติและดูเหมือนตัวการ์ตูน และมีดีไซน์สุดเท่ที่ดูดีสำหรับการเล่นเกม เช่น การออกแบบรูปสามเหลี่ยมของต้นไม้และหญ้า หากคุณมองว่าเกมนี้เป็นเกมจากค่ายอินดี้ สิ่งที่โดดเด่นคือแสง เงา และความละเอียดซึ่งดูดีเพียงพอ เพลงประกอบทำให้คุณหลับสบายแม้ฟังครั้งแรก เพราะดูเรียบง่ายเน้นดนตรีและบรรยากาศธรรมดาๆ ถ้าคุณชอบเรื่องน่าตื่นเต้น นี่อาจไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าคุณชอบเพลงดีๆ เหมือนในเกมที่ผ่านมา ที่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะฟัง นอกจากนี้บางเพลงยังคล้ายกับเพลงในตำนานอย่าง Chrono Trigger อีกด้วย น่าเสียดายที่ไม่มีการพากย์เสียง แต่ฉันรู้ว่ามันมาจากค่ายเพลงอิสระ

เกมเพลย์

อย่างที่คุณทราบได้จากกราฟิก Tunic เป็นเกมที่พยายามจะเหมือนกับเกม 2D Zelda ภาคเก่า โดยเราจะควบคุมตัวละครเอก สุนัขจิ้งจอก สำรวจโลกที่ค่อนข้างใหญ่และแผนที่ อีกส่วนหนึ่งเป็นถ้ำหรือดันเจี้ยนถึงแม้จะไม่กว้างมากนักและไม่ค่อยมีอะไรให้สำรวจมากนัก แต่มันถูกรวมเป็นแผนที่ขนาดใหญ่แผ่นเดียวทำให้ดูเก่า ปริศนาอาจไม่ละเอียดเท่าของ Zelda แต่ยังมีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในฉากที่รอการค้นพบ ระบบการต่อสู้นั้นเรียบง่ายและมีพื้นฐานมาจากแอ็คชั่น โดยตัวเอกจะใช้อาวุธระยะประชิดเช่นดาบ สามารถโจมตีได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตัวเกมยังใช้ระบบหลบหลีกและโต้กลับที่ทำให้เราสามารถกลิ้งหลบการโจมตีได้แต่เราทำได้บ่อยไม่ได้เพราะมีค่าความแข็งแกร่งคงที่ ดังนั้นหากจะหลีกเลี่ยงก็ต้องคว้าโอกาสไว้
นอกจากนี้เกมนี้ยังมีระบบล็อคเป้าหมายซึ่งให้คุณเลือกโจมตีในจุดที่ศัตรูปรากฏมากขึ้นซึ่งใช้งานได้จริงมาก ในส่วนของระบบไอเทมก็คล้ายกับ Zelda ในหลาย ๆ ด้าน เนื่องจากเกม Tunic มีระเบิดให้ใช้ทั้งโจมตีศัตรูและเปิดทางให้ไปต่อ เมื่อได้รับไอเทม คุณสามารถค้นหาจากหีบสมบัติที่ซ่อนอยู่ในฉากได้ และใช้เงินไปซื้อของในร้านค้า

ดูเหมือนว่าเกมในปัจจุบันจะต้องเพิ่มความยากในการท้าทายผู้เล่น และใน “Tunic” ก็ได้มีการเพิ่มเนื้อหาที่น่าตื่นเต้นบางส่วนแม้จะไม่มากก็ตาม แต่ศัตรูในเกมก็มีทักษะค่อนข้างมาก ทันทีที่พวกเขาเห็นพวกเขาก็เข้ามาเฝ้าดูพวกเราและมีหลายประเภท และยังสามารถใช้อาวุธระยะไกลได้อีกด้วย สิ่งนี้จำเป็นต้องเลือกอาวุธที่เหมาะสมในขณะที่หลบหลีกตลอดทั้งเกม นอกจากนี้บอสยังโหดร้ายมากและผู้เล่นบางคนต้องตายหลายครั้งก่อนที่จะผ่านได้ เพราะพลังโจมตีของมันรุนแรงมาก พวกเขายังเรียกผู้ใต้บังคับบัญชามาล้อมเราด้วย แม้ว่ารูปแบบการเล่นโดยรวมจะเน้นไปที่ทักษะมากกว่าการไขปริศนาก็ตาม ต่างจากซีรีส์ Zelda ตรงที่มีความยากบางอย่างคล้ายกับเกม Dark Souls ที่โหดร้าย แต่มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นและคุณสามารถผ่านมันไปได้ตราบใดที่คุณจับจังหวะได้ หากคุณล้มเหลวและเสียชีวิต คุณจะถูกปรับเป็นเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในที่สุด เกมก็มีตอนจบหลายแบบ มีทั้งดีและไม่ดี ด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างกัน

โดยรวมแล้ว รีวิวเกม Tunic มีความคล้ายคลึงกับ Zelda ในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงการเน้นไปที่แอ็กชันและการสำรวจเพื่อปลดล็อกเส้นทางใหม่ แต่จะแตกต่างไปที่แอ็กชันที่เน้นทักษะมากกว่า และนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้เล่นหัวหมุนได้ ถือว่าเป็นเกมจากค่ายอินดี้ที่ดีพอสมควร แม้ว่าเราจะไปไม่ถึงจุดสิ้นสุดของถนน แต่ก็ยังมีความสนุกสนานและความท้าทายมากมายตลอดทั้งเกม
ติดตามรีวิวเกมใหม่ : รีวิวเกม
สามารถติดตามข่าวสารวงการเกมเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คแฟนเพจของพวกเรา : gtaclubth
รีวิวเกมใหม่ : Fire Emblem Engage