หากคุณหลงใหลในอังกฤษอยู่แล้ว คุณจะรักเกมนี้เพราะ Forza Horizon 4 มอบสิ่งที่เกมเมอร์ชาวอังกฤษ “ควรได้รับ” อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการพากย์เสียงสำเนียงอังกฤษ บรรยากาศโดยรวมเป็นแบบเมืองและชนบท และการออกแบบเลย์เอาต์เป็นแบบยุโรปและไม่น่าเบื่อ รถที่สัญจรไปมาในเกมล้วนเป็นรถยอดนิยมในเกาะอังกฤษ เช่น มินิคูเปอร์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นต้น และยังมีเพลงประกอบวิทยุในแนวเพลงและอารมณ์ต่างๆ (โดยเฉพาะเพลง Drum ‘n Bass ที่ดีที่สุดสำหรับเกม)

เป็นความจริงที่ Turn 10 Studios และ Playground Games ทำผลงานได้ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ ในการให้ความสนใจกับรายละเอียดของเกม open world แม้ว่าขนาดของแผนที่จะไม่ใหญ่เท่ากับเกม open world ชั้นนำเช่น Grand Theft อัตโนมัติ ขนาดเล็กทำให้ทีมงานสามารถกรอกรายละเอียดของแผนที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเกม Forza และมีประสบการณ์ในการทำเกมในด้านมอเตอร์สปอร์ต

แผนที่ใน Forza Horizon 4 นั้นน่าดึงดูดและไม่เหมือนใคร มันเหมือนกับการสแกนแผนที่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในเกาะอังกฤษให้ผู้เล่นได้สัมผัสกับประสบการณ์วิดีโอเกมจริง ๆ แค่ขับรถชมวิวหรือโหมดถ่ายภาพเพื่อถ่ายภาพก็ยังคุ้มค่า นี่เป็นอีกเกมที่พิสูจน์ว่าบางครั้งสิ่งต่าง ๆ อาจใหญ่เกินไป มันไม่ได้ทำให้เกมสนุกเสมอไป (ใช่ ฉันหมายถึง The Crew 2)

อย่างไรก็ตามเกมนี้มีข้อบกพร่องเล็กน้อย ระบบการซื้อบ้านในเกมเปรียบเสมือนการซื้อ archive point ซึ่งเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง เพราะผู้เล่นสามารถสัมผัสบ้านได้เพียงแค่มองจากภายนอกเท่านั้น ผู้เขียนอาจจะอ่านเรื่องนี้มากเกินไป แต่เนื่องจากมีตัวอย่างเกมแข่งรถแบบโอเพ่นเวิลด์ที่คุณสามารถซื้อบ้านและรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้ นั่นคือ Test Drive Unlimited (2006)
น่าเสียดายเล็กน้อยสำหรับระบบสิทธิการใช้ที่ดิน เพราะบ้านแต่ละหลังมีราคาแพงในการใช้งาน หนึ่งในเหตุผลหลักในการซื้อที่ดินคือการเข้าร่วม Horizon Super Wheel Spin (คืออะไร เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในเกมต่อไป) ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าแพงไปหน่อย .

กราฟิกที่สวยงามเป็นธรรมชาติและปรับให้เหมาะสม อย่างที่ฉันพูดไปในตอนต้น Forza Horizon 4 เป็นเกมที่ให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ต้องขอบคุณกราฟิกที่สามารถใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือระบบ Dynamic Seasons หรือระบบเปลี่ยนฤดูกาล มีทั้งหมด 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว และแต่ละฤดูก็จะเปลี่ยนฤดูกาล
สิ่งที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับระบบ Dynamic Seasons นี้ เพราะนอกจากจะนำบรรยากาศที่มีชีวิตชีวามาสู่เกมแล้ว ยังส่งผลต่อสภาพแวดล้อมแผนที่ในเกมทั้งหมดด้วย เช่น หิมะในฤดูหนาวจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็ง เป็นเส้นทางสำหรับฤดูกาลหรือเป็นฤดูใบไม้ผลิที่สนามแข่งรถวิบากจะบานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้หลากสีสันสวยงาม? และอากาศก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝนมาหลายครั้ง เพราะทุกสภาพแวดล้อมสามารถส่งผลต่อการขับขี่ได้อย่างมาก ช่วยให้ผู้เล่นเปลี่ยนสไตล์การขับขี่หรือปรับแต่งรถได้ตลอดเวลา
พูดถึงเรื่องประสิทธิภาพกันบ้าง แม้ว่าตัวเกมจะใช้สเปกที่ค่อนข้างโหดสำหรับแพลตฟอร์ม PC แต่ก็ยังถือว่ายุติธรรมอยู่ เพราะตัวเกมได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดี เกมเมอร์สามารถปรับแต่งกราฟิกได้ด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย หรือผู้เล่นจะใช้ระบบปรับแต่งไดนามิกของเกมที่ปรับกราฟิกโดยอัตโนมัติ
สเปค CPU ของ PC ที่ใช้ทดสอบคือ Intel Core i5-6600K 3.50 GHz และการ์ดจอ Nvidia RTX 2080 สามารถเล่นได้ถึงระดับ ULTRA ที่ความละเอียดหน้าจอ 1920×1080 เกมลื่นไหลที่ 60FPS ตลอดทั้งเกมแม้ว่า CPU จะไม่ถึงระดับสูงสุด แต่บางครั้งผู้เขียนเจอสถานการณ์ที่เกมค้างเพียงเสี้ยววินาทีหรือเกมไม่โหลดแผนที่ (เจอแค่ครั้งเดียว) แต่โดยรวมก็เป็น Bug ที่ไม่แพ้ความสนุกในการเล่นเกม