รีวิวเกม Call of Duty WWII
ยอดขายจากความสำเร็จของเกมยิงปืนแข่งขัน Battlefield One ค่อนข้างไม่สอดคล้องกับยอดขายของ Infinity War การหันเหการตัดสินใจและหักหางเสือตรงกลางทางทำให้แนวคิดเกมยิงไซไฟแห่งสงครามโลกครั้งที่ล้ำยุคซึ่งดำเนินมาหลายปีสิ้นสุดลง และหันไปทำสงครามตามประวัติศาสตร์จริงการต่อสู้ตามลำธารบนภูเขาด้วยปืนสมัยเก่าแม้จะเปรียบเทียบกับเกมดังอื่น ๆ แต่เดิมพันก็มีมาก ตั้งแถบที่สูงมาก เนื้อหาของเกมจะเริ่มบอกเล่าเหตุการณ์แห่งปี ในปี 1944 จุดสูงสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เดินทัพบนชายหาดนอร์ม็องดีในฝรั่งเศสที่ถูกยึดครองโดยนาซี และค่อยๆ ต่อสู้และยึดครองดินแดนที่มีอิสรเสรีจนกระทั่งพวกเขาไปถึงมือเยอรมันในสนาม ดูเหมือนมันจะเน้นไปที่วีรกรรมของทหารแนวหน้าเป็นพิเศษ สละชีวิตของคุณเองเมื่อปลายหอกทิ่มแทงบาดแผลของศัตรู ให้สหายคนอื่นๆ ตามมาจนได้รับชัยชนะ โดยส่วนใหญ่ในโหมดแคมเปญ เรารับบทเป็น “โรนัลด์ แดเนียลส์” นักเรียนนายร้อยทหารหนุ่มจากเท็กซัส คนที่มีภูมิหลังเศร้าๆ และบทเรียนราคาแพงที่ได้เรียนรู้จากความบริสุทธิ์ในวัยเด็ก แต่ปมหลังเหล่านั้นกลับเป็นแรงผลักดันที่ดีแทน สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถก้าวไปไกลกว่าคำว่า “ทหาร” และปฏิบัติตามคำสั่งได้ การเป็นวีรบุรุษสงคราม คนที่สอนคำว่า “ฮีโร่” ให้กับเรานั้นไม่ได้วัดกันที่เหรียญรางวัลเสมอไป แต่ละภารกิจในโหมดแคมเปญค่อนข้างหลากหลายเพราะไม่อนุญาตให้เราวิ่งไปหน้ากระสุนของศัตรูเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีภารกิจลับแทรกเข้ามาหลบพุ่มไม้อย่างเงียบ ๆ โดยเน้นการใช้ปืนเก็บเสียงเพื่อไม่ให้ศัตรูรู้หรือเข้ามา บางสถานการณ์ เราอาจเป็นสายลับในเครื่องแบบนาซี หรือบางครั้งก็เปลี่ยนไปขับรถบังคับให้รถถังบางตัวขับเครื่องบินบางลำตามสไตล์ Call of Duty พูดง่ายๆ ก็คือ ผู้เล่นสามารถควบคุมได้ดังนั้นเราจึงสามารถนั่งบนหน้าจอได้อย่างมั่นคงเป็นเวลา 6 ชั่วโมงแห่งชัยชนะ […]
